คำนำ
คำนำของผู้เขียน
เมื่อ
8
ปีก่อน
เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเคยเรียนที่ธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกับผม
ถามผมด้วยคำถามง่ายๆ
ธรรมดาๆ
คำถามหนึ่งว่า
ในรุ่นของเราใครประสพความสำเร็จมากที่สุด
?
คนหนึ่งจีบลูกสาวมหาเศรษฐีได้สำเร็จ
เลยรวยไปตลอดชาติ
อีกคนเจริญรุ่งเรืองสุดขีดทางอาชีพการงาน
ได้ตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มั่นคงแห่งหนึ่ง
และยังมีคนอื่นๆ อีกหลายคนในรุ่นของเรา
ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึง
ในช่วงเวลานั้นผมยังตอบเขาไม่ได้
แต่ถ้าเป็นวันนี้
ผมจะตอบเขาไปว่า
ผมน่าจะเป็นคนที่ประสพความสำเร็จมากที่สุด
เพราะว่าผมรู้แล้วว่า
เมื่อผมตายไปผมจะไปอยู่ในที่แห่งใด
แต่บุคคลที่เพื่อนผมกล่าวถึงทั้งหมด
ล้วนเป็นผู้มีความสำเร็จในทางโลก
แต่เมื่อเขาตายลงไป
เขาจะตกนรก
หรือขึ้นสวรรค์
หรือไปเกิดเป็นเปรต
เป็นสัตว์เดรัจฉาน
หรือเป็นอะไร
เขาก็ยังไม่รู้เลย
เวลาในชีวิตของเพื่อนร่วมรุ่นแต่ละคนตอนนี้ก็น่าจะเหลืออยู่ไม่เกินท่านละ
30-45
ปี
เพราะแต่ละคนก็มีอายุเกิน
43
ปีเข้าไปแล้ว
โลงศพกำลังรอเขาอยู่
จะไปห่วงเรื่องเงินทองและชื่อเสียงซึ่งเป็นสิ่งจอมปลอมอีกหรือ
?
ยิ่งกว่านี้พวกเขาทั้งหมดยังไม่รู้เลยว่า
ชีวิตไม่ได้จบสิ้นง่ายๆด้วยความตาย
และนี่ไม่ใช่ปรัชญาชีวิตซึ่งใครจะเลือกเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้
แต่เป็นความจริงที่ว่า
ความตายเป็นเพียงการหยุดบทบาทของการเป็นมนุษย์ของเขาไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
แต่ชีวิตของเขายังต้องดำเนินต่อไปตามวิถีทางแห่งกรรมเวรที่เขาสร้างขึ้นมา
ในปี
2547
เป็นปีที่ผมประสพความสำเร็จในอาชีพการงานทางโลกมากที่สุด
การงานและการเงินของผมเจริญก้าวหน้าอย่างมาก
แต่ผมกลับตัดสินใจเกษียณอายุตัวเองด้วยวัยเพียง
45
ปี
เพื่อนในบริษัทการค้าแห่งหนึ่งไม่ทราบความจริง
เขาอาจไปคิดว่าผมพ่ายแพ้ต่ออาชีพ
เลยเบื่อและเลิกการทำงาน
เขาหวังดีกับผม
เลยชวนผมไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
เช่น
ไปช่วยงานสโมสรการกุศลแห่งหนึ่ง
หรือทำสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์อะไรทำนองนี้
แต่ผมปฏิเสธเขาไปโดยให้เหตุผลว่า
คนเรามีความคิดเห็นแตกต่างกันว่าควรทำอะไร
งานการกุศลและการช่วยสังคมที่เขาเสนอมาเป็นสิ่งที่ประเสริฐอย่างมาก
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับผม
ผมถูกฟ้าดินกำหนดมาแล้วให้ทำงานอย่างอื่น
ซึ่งมีแต่คนที่มีความกล้าอีกทั้งปากหมาและเต็มไปด้วยความบ้าระห่ำรวมทั้งพูดแต่สิ่งที่เป็นความจริงเท่านั้นถึงจะทำงานนี้ได้
โดยไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะพอใจหรือจะเสียผลประโยชน์หรือไม่
อีกทั้งไม่ใส่ใจเสียงด่าว่าหรือคำตำหนิติเตียนใดๆ
ทั้งสิ้น
จะลุยบอกแต่ความจริงอย่างเดียว
งานที่ผมถูกฟ้าลิขิตให้ทำก็คือ
การเขียนหนังสือเรื่อง
“
ผีอำ
”
ประตูลับสู่โลกวิญญาณ
จุดมุ่งหมายของหนังสือเล่มของผมนี้ไม่ใช่เพื่อทำงานให้คน
แต่เพื่อทำงานให้ผี
ผมทำงานให้ผีจริงๆ
ไม่ได้ต้องการอะไรที่เป็นตัวเงินตอบแทน
แต่ผมมีความสุขใจที่ได้เปิดเผยความลับของสวรรค์ที่อยู่ในใจผมออกไปให้พ้นๆ ซะที
จะมีผู้ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านหรือไม่
ผมไม่เกี่ยว
เป็นเรื่องของฟ้าดินจะกำหนด
ผมทำดีที่สุดของผมก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งหนังสือขายได้มาก
ผมก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้น
เพราะต้นทุนของหนังสือเล่มนี้ผมกะว่า
30%-40%
ผมจะออกเอง
เพื่อกดราคาหนังสือให้ต่ำที่สุด
คำว่ากำไรผมไม่ต้องการมีเด็ดขาดแม้แต่สลึงเดียว
ผมเกิดมาเพื่อเป็นพยานถึงความมีอยู่ของโลกวิญญาณ
และเอามาบอกพวกท่าน
ความจริง
พวกท่านก็รู้ว่า
มนุษย์ทุกคนต้องตาย
แต่กลับไม่มีใครแน่ใจเลยว่า
มีสวรรค์
นรก
และภูมิอื่นๆ อยู่จริงหรือเปล่า
?
ทุกอย่างอยู่ในความเชื่อและปรัชญาทางศาสนาเท่านั้น
แต่ชีวิตหลังความตายที่แท้จริงยังเป็นปริศนาคาใจผู้คนเหมือนเดิม
ถ้าผมจะนิ่งเฉยอยู่ต่อไป
ไม่เล่าความจริงในโลกวิญญาณที่ผมประสพมา
1,000
กว่าครั้งให้ท่านผู้อ่านฟัง
หวังแต่ทำงานทำเงินให้ตัวเอง
แสวงหาความร่ำรวยเหมือนคนปกติทั่วไปทำกัน
ผมว่าฟ้าดินอย่าให้ผมเกิดมาในโลกนี้เลย
ให้หมาหรือแมวสักตัวเกิดมาแทนผมดีกว่า
ผมบอกท่านแล้วว่า
ผมเป็นคนค่อนข้างปากหมา
และไม่ใช่หมาธรรมดาซะด้วย
แต่เป็นหมาบ้า
ผมกัดไม่มีการปล่อย
ผมไม่กลัวคน
หรือผีสาง
หรือเทวดาฟ้าดิน
ด้วยเหตุนี้สวรรค์จึงเลือกผมมาทำงานชิ้นนี้
ท่านได้ให้ผมมีโอกาสเจอผีและวิญญาณหลายร้อยรูปแบบ
แม้แต่พระพรหมและเทพเจ้าสูงสุดที่อยู่ในสวรรค์ชั้นยามาผมก็เคยสัมผัส
ไม่ใช่แต่ในดินแดนแห่งโลกวิญญาณในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่ผมเคยสัมผัส
แม้แต่ดินแดนสวรรค์แห่งพระคริสต์
พระองค์ก็ให้ผมได้มีโอกาสสัมผัสเช่นกัน
โดยผ่านเทวดาองค์หนึ่งที่ชื่อว่า
“
ตี่
”
ซึ่งก่อนเสียชีวิตก็เป็นชาวพุทธ
แต่พอตายลงไป
กลับได้ขึ้นสวรรค์ของชาวคริสต์
สวรรค์รู้ดีว่า
ด้วยนิสัยปากหมาของผม
ยังไงๆผมก็ต้องเขียนถึงความมีอยู่จริงของดินแดนสวรรค์แห่งพระคริสต์
โดยไม่มีข้อยกเว้น
แม้ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนา
แต่ผมมีหน้าที่ต้องเล่าแต่ความจริง
ท่านผู้อ่านจะนับถือศาสนาอะไรนั้นผมไม่เกี่ยว
ผมเป็นชาวพุทธทั้งกายและใจ
แต่จะละเว้นไม่พูดถึงแดนสวรรค์แห่งพระคริสต์ซึ่งมีอยู่จริงผมทำไม่ได้
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระเจ้าให้โอกาสผมได้สัมผัสดินแดนของพระองค์แม้ว่าผมจะเป็นคนนอกศาสนา
และไม่มีทางเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาคริสต์อย่างแน่นอน
ปีก่อนผมหาเงินจากการเป็นโบรกเกอร์ขายน้ำตาลส่งออกได้เงินมามาก
ผมไม่โง่พอที่จะทิ้งรายได้ที่คาดว่าจะได้รับอีกไม่น้อยกว่าปีละ
5
ล้านบาทเพื่อมาเขียนหนังสือเรื่องผีวิญญาณเล่มนี้หรอกครับ
แต่เพราะชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องจริง
และเป็นสิ่งที่ท่านผู้อ่านทุกท่านควรรับรู้เอาไว้
พวกท่านทั้งหมดต้องตายแน่ๆ
สวรรค์ได้เปิดทางบางส่วนให้ท่านรับรู้ส่วนหนึ่งของภพภูมิที่ท่านจะไปแล้วโดยผ่านหนังสือเล่มนี้
20
กว่าปีที่ผมได้ทดลองเรื่องผีและวิญญาณด้วยชีวิตและวิญญาณของผมเอง
ที่มีเพียงพวกบ้าบิ่นและสิ้นคิดเท่านั้นถึงจะทำ
ผมได้เปิดเผยถึงความรู้อันใหม่ที่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือวงการแพทย์กล้ายืนยัน
โดยผมระบุอย่างชัดเจนไปเลยว่า
มนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณ
มีโรคชนิดหนึ่งที่แพร่หลายในเมืองไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ
คือ
“
โรคผีอำหรืออาการผีอำ
”
ซึ่งวงการแพทย์จนตรอกในการรักษา
แม้กระทั่งสาเหตุก็ยังหาไม่พบ
ผมชี้ว่าตราบใดที่พวกแพทย์ยังงมงายอยู่กับทฤษฎีโบราณที่ว่า
โรคที่พบเห็นในมนุษย์นั้นเป็นโรคทางร่างกายหรือไม่ก็โรคทางจิตเท่านั้น
ตราบนั้นวงการแพทย์ก็จะไม่ทางพบวิธีการรักษาโรคผีอำหรืออาการผีอำ
เพราะ
“
โรคผีอำหรืออาการผีอำ
”
ที่ว่านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย
มีเพื่อนต่างบริษัทกับผมท่านหนึ่ง
ที่ผมพยายามจะเล่าเรื่องวิญญาณเรื่องหนึ่งให้เขาฟัง
เขาหัวเราะเยาะ
และก็ไม่ยอมฟังคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น
ฟันธงไปเลยว่า
เรื่องผีเรื่องวิญญาณไม่มีข้อพิสูจน์
มีแต่ความเชื่อ
สุดท้ายผมจึงไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรให้เขาฟังได้เลย
ผมเสียใจแทนเขามาก
ผมไม่ได้เชื่อเรื่องผีวิญญาณ
แต่เพราะผมสัมผัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และไม่มีหลักฐานใดๆจะมาหักล้างความจริงที่ผมพบได้
มีแต่สนับสนุนมัน
ถ้าผมเห็นผีหรือวิญญาณหรือแค่ได้ยินเสียง
คนเช่นผมไม่มีวันเชื่อ
เพราะมันเป็นเรื่องจิตหลอนหรือหูแว่วกันได้
เพื่อนผมคนนี้และผู้ที่ไม่ยอมซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไรก็ตาม
หรือแม้กระทั่งให้เขาฟรีๆ
เขาก็คงไม่อ่าน
ผมหวังว่าพวกท่านคงเป็นคนดี
หรือทำความชั่วหนักๆมาน้อยนะครับ
มิเช่นนั้นเมื่อพวกท่านตายลง
ตอนนั้นก็สายไปแล้ว
สำหรับท่านที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
ผมดีใจแทนท่านจริงๆครับ
ถ้าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้สามารถทำให้ท่านได้ละ
ลด
เลิก
การกระทำบาปใดๆ
และหันมาสร้างแต่ความดี
ผมรู้
100%
ว่ากรรมความดีจะตอบแทนท่านในที่สุด
แต่จะเป็นชาตินี้หรือเปล่าผมไม่ทราบ
แต่สวรรค์ไม่ทิ้งท่านหรอก
ถ้าไม่จริงดังที่ผมพูด
และสวรรค์ไม่ได้ตอบสนองคุณแห่งความดีของท่าน
แล้วบังเอิญท่านเจอผมที่หนึ่งที่ใดใน
3
โลก
ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์
นรก
หรือโลกมนุษย์
กรุณารุมกันยำตีนใส่ผมได้เลย
แต่ถ้าท่านคิดจะตอบแทนบุญคุณผมล่ะก็
แล้วบังเอิญท่านตายก่อนผม
กรุณาบอกมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ด้วยว่า
ชาติหน้าอย่าลองใจให้ผมเลือกระหว่างเขียนหนังสือที่ไม่ทราบจะขายออกไหม
?
กับเงินอีกเลย
…
ผมเลือกเงินนะ
จะบอกให้
จากผม
คนสัมผัสวิญญาณ
คำนำผู้เรียบเรียง
ในความเป็นจริงแล้ว ผมได้รับเอกสารเรื่องผีอำทั้งสองตอนมานานแล้วตั้งแต่ครั้งคุณพลศักดิ์ได้เสียชีวิตลง จนกระทั่งผมได้มาลองอ่านดูจึงเห็นว่าเนื้อหาจริงๆนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เล่าเรื่องผีๆ สางๆ เพื่อให้เกิดความบันเทิง เท่านั้น แต่ผู้เขียนต้องการให้มนุษย์นี้ได้รับรู้ความจริงว่า ชีวิตหลังความตายมีจริง โลกวิญญาณมีจริง บุญบาปมีจริง เพื่อจะเตือนสติผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าอย่าได้ใช้ชีวิตประมาท มุ่งแต่แสวงหาความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติทางโลก ไม่สนใจผิดชอบ ชั่วดี ซึ่งเมื่อวันหนึ่งเมื่อคุณละจากโลกนี้ไปแล้วและพบว่าโลกหลังแห่งความตายมีจริง ผลบุญบาปมีจริง เมื่อนั้นก็สายไปแล้ว
เมื่อเล็งเห็นเป็นประโยชน์เช่นนี้ ผมจึงได้จัดทำ
Blog
“ผีอำ” ขึ้นโดยแบ่งเป็นสองตอน ตอนที่ 1 “ ประตูลับสู่โลกวิญญาณ ”
ตอนที่ 2 “
ศาสนาพุทธที่เชื่อในเรื่องพระเจ้าแท้จริง ” โดยตอนที่ 1 นั้นเนื้อหาจะเป็นเรื่องราวประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับวิญญาณล้วนๆ ยังไม่มีการอ้างอิงตามตำราแต่อย่างใด โดยระยะเวลาต่างๆ ที่กล่าวถึงในเนื้อหาจะยึดปีพ.ศ. 2547 เนื่องจากเป็นปีที่ผู้แต่งเขียนเรื่องนี้ขึ้น
ผมแนะนำควรอ่านเนื้อหาเป็นลำดับไป เพื่อความเข้าใจในเหตุการณ์และเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้ดียิ่งขึ้น
หากท่านต้องการศึกษาธรรมะระดับสูงซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตผู้เขียนสามารถเข้าไปศึกษาได้ใน
ผมหวังว่าเนื้อหาใน
Blog
นี้จะ
เป็นอุทาหรณ์ไว้แด่ผู้อ่านทั้งหลายให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท หมั่นสั่งสมบุญกุศลเพื่อประโยชน์สุขสืบไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น