A A

1-1 เจอผีครั้งแรก

บทที่ 1 ผมยังเด็กใหม่ไม่เคยเจอผี
1-1 เจอผีครั้งแรก
สมัยเป็นวัยรุ่นผมสนใจกีฬาเพาะกายหรือการเล่นกล้ามเป็นพิเศษ การยกเหล็กนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและกล้ามสวยแล้ว ยังทำให้จิตใจฮึกเหิมไม่กลัวใครอีกด้วย นอกจากการเพาะกายแล้ว ผมยังสนใจอ่านหนังสือและฝึกวิชาที่เกี่ยวกับจิตด้วย ในใจผมตอนนั้นซ่าจริงๆ ไม่มีคำว่า กลัวคน หรือ กลัวผี
ท่านคงอยากรู้ว่า ที่ผมฝึกจิตนั้นฝึกอย่างใด? ได้ผลสำเร็จบ้างไหม?
ไม่อยากจะโม้ แต่ก็ต้องบอกความจริง ผมฝึกจิตตามแนวทางของลามะทิเบต ใช้การพูดสั่งจิต วันละเป็นร้อยๆ ครั้ง อาบน้ำเย็นจัดหน้าหนาว ก็สั่งจิตและนึกภาพว่า ตัวเราเป็นไฟ มีแต่ความร้อน ไม่มีความรู้สึกหนาว ผมฝึกเอาขาเปล่าเตะโอ่งที่มีน้ำเปล่าอยู่เต็ม และก็เอามือเปล่าต่อยกำแพงคอนกรีต ผมก็สั่งทางจิตกับตัวเองว่า ขาของเราแข็งแกร่งเหมือนศิลา มือของเราก็เช่นกัน ผมฝึกจนเกิดความเชื่อมั่น ในความแข็งแกร่งของตัวเอง
ผมไปเสียความเชื่อมั่นตอนที่พี่ชายของผมมาถามผมว่า
เอ็งเอาขาเปล่าๆเตะโอ่งที่มีน้ำบรรจุอยู่เต็ม ได้ประโยชน์อะไร? ”
เอามือเปล่าต่อยกำแพงสุดแรงเช่นนั้น มันมีประโยชน์หรือ? เห็นมีแต่ความเสี่ยงว่าขาจะหักหรือมือจะหักไหม?
พลังจิตในวิชาลามะของทิเบตต้องอาศัยความมั่นใจและศรัทธาอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง เมื่อผมถูกถามด้วยคำถามง่ายๆ ของพี่ชาย เท่านั้นเองพลังจิตของผมก็ถูกครอบงำด้วยเหตุและผลของมนุษย์ เป็นเวลา 9 เดือนที่ผมอุตส่าห์ฝึกจิตจนมีพลัง ปรากฏว่าพลังเหล่านั้นถูกทำลายลงอย่างง่ายๆ เพราะไปยึดถือคำพูดที่มีเหตุผลของพี่ชาย หลังจากนั้นผมก็เลิกฝึกจิตตามแนวทางของลามะทิเบต เพราะวิชาของเขาจะอาศัยเหตุผลของมนุษย์มาอยู่เหนือความศรัทธาและความเชื่อมั่นไม่ได้เป็นอันขาด
เอ้า! มาว่ากันเรื่องผีต่อ ครั้งแรกที่ผมสัมผัสผี ก็คือที่บ้านเก่าของผมที่มักกะสันนั่นแหละ มีอยู่วันหนึ่ง ผมเผลอหลับไปตอนประมาณ 5 โมงเย็น ขณะที่หลับอยู่นั่นเอง ผมก็ต้องสะดุ้งตื่น ตาลืมได้ครึ่งเดียว ผมเห็นทุกอย่างชัดเจน แล้วผมก็ได้ยินเสียงการเล่นระนาดเอกอยู่ข้างๆหูผม แต่ภายในห้องผมนั้น ไม่มีระนาดอยู่ และก็ไม่มีใครเล่นเป็นด้วย แล้วผมได้ยินได้เสียงได้อย่างไร? ผมพยายามดิ้น แต่ก็ดิ้นไม่หลุด เหมือนมีใครตรึงให้ผมอยู่กับที่ ผมรู้ตัวทันทีว่า ผมโดนผีหลอก หรือไม่ก็จิตหลอนแน่
มีคนเคยบอกผมว่า คนที่เห็นผีหรือผีหลอกเป็นพวกใจอ่อนแอ หรือมีความกลัวผีอยู่ในใจ คำพูดเหล่านี้ไร้สาระสิ้นดี ช่วงนั้นผมฝึกวิชาของลามะทิเบตอยู่ ความกลัวไม่มีแน่นอน แต่ความตกใจจากประสบการณ์ที่แปลกประหลาดนั้นยังมีอยู่ เวลานั้นผมรู้ดีว่า ผมเป็นคนที่พลังกายและพลังใจเข้มแข็งมาก แต่ผมก็ยังใช้เวลาเกือบ1 นาทีจึงดิ้นหลุดจากพลังที่ครอบงำผม ผมรู้ว่า นี่คือผีหลอก หลังจากนั้นอีกหลายปีผมถึงรู้ว่า ไอ้สิ่งที่ผมเจอ ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า ผีอำ
ทั้งๆที่ผู้มีประสพการณ์ผีอำในประเทศไทยในแต่ละปีน่าจะมีไม่น้อยกว่าหมื่นคน ทั้งประเทศผมว่ามีคนเคยถูกผีอำน่าจะไม่น้อยกว่า 500,000 คน ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่า ผีอำไม่ใช่เป็นการนอนทับเส้นตัวเอง เหมือนที่บรรดาแพทย์ในเมืองไทยพยายามบอกคนไข้ เพราะมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น บางคนบอกว่า มีคนนั่งทับที่น่าอก บางคนบอกว่าผีมากดที่แขน เป็นต้น
ผมนายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ขอยืนยันกับท่านผู้อ่านไปเลยว่า ผีอำเป็นเรื่องของผีแน่นอน ผมทำการทดลองมาเป็นพันครั้งแล้ว ไม่พบโอกาสที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้ ในบทต่อไปผมจะเปิดเผยเรื่องผีอำอย่างละเอียดกับท่าน เกือบทุกเรื่องในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของผีอำแทบทั้งสิ้น

ความคิดเห็น