A A

2-6 สละผลบุญทั้งปวง เหลือแต่ดวงจิตอันเป็นอิสระ

บทที่ 2 “ผีอำ” ประตูลับสู่โลกวิญญาณ
2-6 สละผลบุญทั้งปวง เหลือแต่ดวงจิตอันเป็นอิสระ
ตอนอายุประมาณ32-35 ผมเคยเดินจงกรมและเข้าสมาธิประมาณวันละ 1-1.5 ชั่วโมง มีอยู่วันหนึ่ง ผมอยู่ในสมาธิ แต่มีความรู้สึกหนักๆ ทางใจ โชคดีที่ผมเคยอ่านเรื่องพระโพธิธรรมสอนฮ่องเต้องค์หนึ่งทำนองว่า ท่านทำบุญสร้างกุศลไปแต่ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่ใจที่เป็นอิสระเท่านั้นถึงจะประเสริฐ
ผมตีความว่า กษัตริย์ผู้นั้นสร้างแต่ความดี แต่ถึงจะมากมายเพียงใด รับผลของความดีไปไม่กี่ชาติมันก็หมด สู้การบรรลุนิพพานไม่ได้ ได้ปล่อยใจให้เป็นอิสระตลอดกาล ผมก็ไม่รู้ว่าที่ตีความไปมันผิดหรือถูก แต่ตอนนั้นผมอยู่ในสมาธิและเดินจงกรมมาชั่วโมงครึ่งแล้ว แต่ยังรู้สึกหนักอยู่ในใจเลย ผมมั่นใจว่ามันหนักตรงผลบุญที่ได้รับนั่นเอง
ผมเลยตัดสินใจสละผลบุญและความดีที่ทำมาตลอดชีวิตให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนๆ และทุกๆคนไป ไม่ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู โดยเฉพาะท่านที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ผมเต็มใจสละและมอบให้จริงๆ ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเลย ผมขอเหลือไว้แค่ใจอันเป็นอิสระเท่านั้น 
หลังจากนั้นผมก็ทำสมาธิต่อ เพียงไม่กี่นาทีผมก็เข้าไปสู่ความสงบในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นความสงบที่มีความบรมสุขซ่อนอยู่ เป็นความสงบที่ไร้กิเลส เสียดายที่ผมได้รับรู้ถึงความบรมสุขแบบนั้นได้ไม่เกิน3-5 นาทีเท่านั้น กิเลสก็เข้ามาเหมือนเดิม ผมบอกท่านได้เต็มปากเลยว่า ภาวะที่ผมได้พบนั้นเป็นความสุขที่ยากจะมีคำอธิบายใดๆ มาบรรยายได้ หรือนี่คือ ภาวะนิพพานแม้ว่ามันเป็นนิพพานแค่ไม่ถึง3-5 นาที แต่ผมต้องยอมรับว่าภาวะนิพพานนั้นมีอยู่จริง
หลังจากผมถอนใจออกจากสมาธิ ผมหวนรำลึกถึง เรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านทรงถอนหายใจตอนที่พระองค์ตรัสรู้ ผมตีความว่า ธรรมะเรื่องความสุขจากความสงบที่ตัดขาดจากกิเลสทั้งปวง เป็นความสุขที่มิมีอะไรเทียบได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสสอนคนทั้งโลกได้อย่างไร? เพราะคนทั้งโลกรับรู้และมีประสพการณ์แต่เฉพาะความสุขอันเกิดมาจากการได้รับสิ่งตอบแทน(กิเลส)
ถึงแม้จะเข้าใจได้ยากขนาดไหน แต่พระพุทธองค์ท่านก็จำเป็นต้องตรัสสอน ทั้งหมดอยู่ในเกือบทุกหน้าของพระไตรปิฎก ใครที่มีดวงตาแห่งธรรม สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้คงจะหาเจอได้ไม่ยาก
วันที่พบธรรมะอันประเสริฐที่แท้จริงนั้น แม้จะได้ประสพความสุขที่แท้จริงที่เกิดจากการไม่ต้องการสิ่งใดๆ ตอบแทนเลยเพียง3-5 นาทีเท่านั้น แต่ผมก็ไม่เคยลืมประสบการณ์เช่นนั้นเลย ตอนนี้ผ่านมากว่า16 ปีแล้ว ผมขอให้ได้ประสบการณ์เช่นนั้นอีกครั้ง แต่นั่งสมาธินานเท่าไร ผมก็ไม่เคยได้ประสบการณ์แบบนั้นกลับมาอีกเลย ผมรู้ว่าตราบใดที่ผมมีความอยากอยู่ ผมคงไม่มีทางพบความบรมสุขจากการดับกิเลสอีกแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า 

ความคิดเห็น