A A

4-1 ค้นพบวิธีการแผ่เมตตา

บทที่ 4 การแผ่เมตตาจากจิตอันบริสุทธิ์ในช่วงสมาธิชนะการให้ทานทั้งปวง
4-1 ค้นพบวิธีการแผ่เมตตา
ท่านผู้อ่านคงยังไม่ทราบว่า ผมเคยทำสมาธิและแผ่เมตตารวมทั้งอุทิศกุศลอันเกิดจากการทำสมาธินั้นให้กับดวงวิญญาณมาเป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว ผมได้พบวิธีนี้โดยบังเอิญ
เมื่อ13 ปีก่อนมีนักซิ่งมอเตอร์ไซค์รายหนึ่งมาตายที่ถนนใหญ่ใกล้ซอยบ้านผม ผมรู้สึกสงสารเขามาก ใครจะรุมเกลียดและรุมสมน้ำหน้าเขาผมไม่สน แต่ผมอยากทำบุญให้เขา ไหนๆ เขาก็ตายไปแล้ว
ทว่าการลุกขึ้นแต่เช้ามืดเพื่อไปทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนบุญกุศลให้คนตาย เป็นเรื่องที่หนักมากสาหรับผม เพราะผมนอนตอนตี 2 ถึงตี3 ทุกวัน โชคดีที่ผมเคยอ่านในหนังสือธรรมะว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนว่า การให้ทานที่ประเสริฐและมีผลบุญมหาศาลต้องออกมาจากดวงจิตที่สงบเป็นสมาธิ และแผ่เมตตาไปอะไรทำนองนี้ (ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้ว) ตอนแรกผมก็ไม่ได้เชื่อ แต่ผมไม่ยอมนอนตี 3 และตื่นตี5 มาตักบาตรแน่นอน ก็เลยเสี่ยงทำสมาธิแผ่เมตตาให้กับวิญญาณนักซิ่งรายนั้นไป
ปรากฏว่า นักซิ่งรายนั้นได้รับผลบุญอันเกิดจากการทำสมาธิและแผ่เมตตาของผมจริงๆ คืนนั้นเขามาจับแขนผมบีบเบาๆ ถี่ๆ หลายๆ ครั้งเพื่อแสดงการขอบคุณ
หลังจากนั้นผมลองทำอีกหลายครั้ง ลองเรียกวิญญาณที่อยู่ในหมู่บ้านผม แล้วก็แผ่เมตตารวมทั้งอุทิศกุศลอันเกิดจากทำสมาธิออกไปเหมือนเดิม ผมพบว่า ยิ่งทำยิ่งได้ผล แม้ว่าผมไม่เคยรู้ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาเลย วิญญาณเหล่านั้นก็สามารถรับการแผ่เมตตาและอุทิศกุศลจากผมได้
ผมทำการแผ่เมตตาออกไปอีกหลายเดือน จนผมรู้สึกในใจว่า บรรดาวิญญาณต่างๆ ได้ไปหมดหรือเกือบหมดหมู่บ้านผมเลยทีเดียว ไม่ใช่ผีไทยอย่างเดียว แต่ผีในศาสนาอื่นก็ได้รับผลจากการแผ่เมตตานั้นด้วย นี่แสดงว่าการให้เมตตาทานอันเกิดจากสมาธิมีผลบวกต่อวิญญาณในศาสนาอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะแต่ในศาสนาพุทธ เมตตาทานนั้นคงจะส่งผลให้วิญญาณเหล่านี้ไปเกิดใหม่ หรือไปอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้น
ผมหวนรำลึกถึงบรรดาผีในซอยอ่อนนุชที่เป็นศัตรูกันตอนช่วงผมอายุ25-32 ปี ใจจริงผมไม่มีความเกลียดชังหรือเคียดแค้นอะไรเขาเลย ยิ่งช่วงที่ผมซึ้งในรสพระธรรม ผมยิ่งสำนึกได้ว่า ผมกระทำรุนแรงเกินไป ไปท้าตีท้าต่อยกับผี รวมถึงด่าว่าพวกผีที่มารบกวนแบบหยาบๆ คายๆ สารพัด ศาลเจ้าแบบจีนที่บ้านผม ผมก็ยังเตะเสียพัง
ตอนหลังพอผมมีทัศนะใหม่ว่า ดวงวิญญาณทุกดวงที่มาหาหรือมารบกวนเรานั้น เป็นเพราะพวกเขาจนตรอก พวกเขาไม่มีทางเลือก พวกเขาตายไปแล้ว แต่ยังไปที่ดีกว่านี้ไม่ได้ จึงยังต้องวนเวียนอยู่ในภพภูมิใกล้โลกมนุษย์ เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งจากมนุษย์ พูดง่ายๆก็คือ วิญญาณเหล่านี้ไม่รู้จะไปพึ่งใคร หรือให้ใครช่วยเหลือ พอเขารู้ว่าเราสัมผัสเขาได้ พวกเขาจึงทำทุกอย่าง เพื่อหวังให้เราช่วยพวกเขา แต่น้องชายของผมและตัวผมเองดันไปมีอคติว่า มีวิญญาณมาแกล้ง มีผีมาหลอกหลอน ทำให้ขาดความสงบสุข ด้วยสันดานนักเลงของผม งานนี้ผมจึงยอมไม่ได้ ต้องขอลุย ให้พวกผีเหล่านี้รู้ว่า พวกมันกำลังเล่นอยู่กับใคร
บัดนี้ผมพบทางอันประเสริฐแล้ว จึงอยากช่วยเหลือวิญญาณต่างๆ ที่บ้านเก่าผม ผมจึงนั่งลงทำสมาธิ แผ่เมตตาและอุทิศกุศลไปให้ดวงวิญญาณเหล่านี้ ผมทำอยู่ประมาณ 3-4 วันเห็นจะได้

ความคิดเห็น