6-1 นิมิตบอกเหตุเศร้า
บทที่ 6 รักรันทดของตี่
6-1 นิมิตบอกเหตุเศร้า
ประมาณ5-10 ปีที่ผ่านมา มีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งผมทำสมาธิได้ดีมาก เรียกว่าเข้าสู่ภาวะจิตที่สงบนิ่ง
ในเวลาไม่นานนัก วันหนึ่งปรากฏว่าอยู่ๆ ผมก็เห็นภาพของครอบครัวหนึ่งปรากฏในนิมิตของผม แน่นอนผมรู้จักครอบครัวนี้เป็นอย่างดี ในนิมิตของผมพวกเขาใส่ชุดดำทั้งหมด อยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ครั้งแรกๆผมก็ไม่เข้าใจว่า นิมิตนี้บอกอะไรกันแน่ แต่เข้าสมาธิอย่างสงบลึกๆ ทีไร ผมก็จะเห็นภาพแบบเดียวกันนี้ทุกครั้ง
ความรู้สึกในใจผมบอกผมว่า ต้องมีเหตุการณ์ร้ายบางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวนี้ และต้องเป็นเรื่องการตายก่อนการแต่งงานของคนๆ หนึ่งในครอบครัว แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นใคร? และเมื่อใด?
ในตอนนั้นเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ทันสังเกตว่า ภาพในนิมิตนั้นไม่มีตี่รวมอยู่ด้วย
พี่น้องและคนในครอบครัวนี้ไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องใดๆ เกี่ยวกับคนในครอบครัวให้ผมฟัง ผมจึงไม่รู้จริงๆ ว่า ใครเป็นแฟนใคร? ใครจะแต่งงานกับใคร? และเมื่อไร? แต่ด้วยนิสัยพูดมากและปากเสียของผม ผมได้โทรไปหาพี่สาวของคุณตี่ เล่าเรื่องที่ผมเห็นในนิมิตให้เขาฟัง บังเอิญช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่สาวของคุณตี่เพิ่งแต่งงาน ประกอบกับผมเองก็เคยหลงรักพี่สาวของตี่อยู่ระยะหนึ่ง และผมก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันความเชื่อของผม ก็เป็นธรรมดาอยู่เองว่า ผมต้องถูกพี่สาวของคุณตี่ต่อว่า หาว่าผมปากเสีย และคิดไปในทำนองว่า ผมอาจจะพูดไปเพราะความหึงหวงของมนุษย์ ดังนั้นพี่สาวของคุณตี่จึงห้ามผมพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นก็ต้องเลิกคบกัน ไม่ต้องคุยกันอีก
เวลาผ่านไป1 ปี อีกทั้งผมเบื่อการทำสมาธิ ผมเลยเลิกสนใจเรื่องนี้ไป แม้ว่าในนิมิตของผมตอนที่ทำสมาธิลึกๆ ผมก็ยังเห็นภาพแบบเดียวกันนี้อีกหลายครั้ง แต่ผมก็พูดไม่ได้ ถึงพูดไปก็ไม่มีคนเชื่อถือ
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งอาเจ็กท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในบริษัทที่ผมทำงานอยู่ในช่วงนั้น มาทักผมว่า ลื้อรู้เรื่องงานมงคลสมรสของตี่กับลูกสาวผู้จัดการโรงงานในอีก5 วันหรือยัง? ทันทีที่ผมได้ยินเรื่องนี้ ผมก็กลับหวนไปคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นในนิมิตอีกครั้ง เมื่อผมลองกลับไปทำสมาธิใหม่ ผมก็รู้ด้วยตัวเองว่า คู่นี้แต่งงานกันไม่ได้ เพราะจะต้องมีการตายเกิดขึ้นก่อนวันสมรส แต่อย่างไรก็ตามผมเองไม่ทราบว่าผมเองมีสิทธิจะพูดหรือทำอะไรได้ในเรื่องนี้
วันรุ่งขึ้น อาเจ็กมาถามผมว่า ผมจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว ทันทีที่ถูกถาม
อย่างกระทันหันและไม่ทันได้คิดอะไร ผมก็ทะลึ่งตอบอาเจ็กไปแบบปากเสียว่า
“ ผมไม่ซื้ออะไรหรอก เพราะผมรู้ว่างานแต่งนี้จะไม่เกิดขึ้น จะมีก็แต่งานศพ ”
คำพูดแบบสุดปากเสียของผมไม่เพียงสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่ออาเจ็ก แต่ต่อท่านผู้ใหญ่ในบริษัทอีกท่านหนึ่งด้วย ท่านได้เรียกผมไปตักเตือนว่า เรื่องแบบนี้ผมจะเที่ยวพูดออกไปไม่ได้ แม้ว่าผมมั่นใจว่ามันจะเกิดขึ้น ถ้าขืนผมพูดออกไป มีหวังในงานมงคลสมรสของตี่ อาจจะมีศพหนึ่งเกิดขึ้นก็ได้ นั่นคือ ศพของผมถูกกระทืบตายนั่นเองแล้วสมมติว่าเรื่องที่ผมพูดเกิดเป็นจริงตามที่ผมพูดขึ้นมา ก็ไม่มีใครขอบคุณผมหรอก ซ้ำร้ายอาจจะมาโทษผม หาว่าเรื่องที่เกิดเป็นเพราะผมไปสาปแช่งเขา ผู้ใหญ่ท่านนั้นสอนผมต่อว่า
“ เรื่องทำนองนี้โบราณชาวจีนเขาถือว่า ถ้าผมรู้จริง แล้วนำมาเปิดเผย ก็เท่ากับเป็นการเปิดเผยความลับของฟ้า(สวรรค์) อายุขัยของผมก็จะสั้นลง ”
ก่อนจากกันอาเจ็กกับผู้ใหญ่ท่านนั้นได้พูดทีเล่นทีจริงกับผมว่า “ เฮ้ย ! อ้วน ที่งานพวกอั๊วไม่นั่งใกล้ลื้อนะ เดี๋ยวจะพลอยซวยไปด้วย ”
ใครจะนั่งใกล้ผมหรือจะไม่นั่งใกล้ ผมก็ไม่ว่าหรอกครับ ที่สำคัญก็คือ งานมงคลสมรสของตี่ไม่ได้เกิดขึ้น ถัดจากวันนั้นเพียงไม่กี่วัน เจ้าสาวของคุณตี่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ทำให้การจัดงานแต่งงานต้องเปลี่ยนเป็นจัดงานศพอย่างกะทันหันโดยไม่มีใครคาดฝัน ยกเว้นผม ซึ่งต้องทนอยู่กับความรู้สึกผิดที่ไม่อาจทำอะไรในเรื่องนี้ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น