6-3 วิญญาณตี่มาหาครั้งแรก
บทที่ 6 รักรันทดของตี่
6-3 วิญญาณตี่มาหาครั้งแรก
หลังจากตี่ตายได้เพียงวันเดียว กลางดึกคืนนั้นเวลาประมาณตี 2 สิบห้า ตี่ก็ได้มาหาผม ครั้งแรกที่เขามาเขามานั่งอยู่ใกล้รักแร้ผมเกินไป จุดนั้นบังเอิญเป็นจุดที่ผมไม่ค่อยชอบให้คนหรือวิญญาณเข้าใกล้ พอวิญญาณตี่มานั่งใกล้จุดนี้ ผมเลยตกใจสะดุ้งตื่น หลังจากนั้นผมก็หลับต่อ พร้อมกับผมบอกตี่ทางจิตว่า ถ้าเป็นตี่จริงให้จับที่มือขวาของผม
คืนนั้น ตี่ได้มาหาผมอีก 5-6 ครั้ง จับที่มือขาวของผมอย่างเดียว จับไม่จับเปล่า เขาเขย่าตัวผมให้วิญญาณผมตื่นด้วย เพราะกลัวผมจะเผลอหลับไป นอกจากนี้เขายังพยายามพูดบางอย่างกับผม แต่ผมไม่ได้ยินเสียง เลยช่วยอะไรเขาไม่ได้ ท่านผู้อ่านต้องรู้ว่า ผมแค่เป็นคนที่สัมผัสวิญญาณได้เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนที่มี SIX SENSE ที่สามารถพูดคุยและได้ยินเสียงของวิญญาณ ยิ่งกว่านี้ตี่เองก็เป็นวิญญาณใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ในการเข้าฝันคน หรือพูดกับคนทางจิต จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะไม่นอน หรือหาทางช่วยอะไรเขาในตอนนี้
ดังนั้นผมก็เลยต้องเสียมารยาทอย่างมากกับตี่ ผมขอนอนสถานเดียว แต่ตี่เขาก็ไม่ยอมให้ผมนอน เขาเขย่ามือขวาผมให้วิญญาณผมตื่นทุกครั้งที่ผมเผลอจะหลับ ผมเข้าใจความรู้สึกของตี่ดีว่า ตอนนั้นมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของเขา บรรดาพ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาทุกคน คงไม่มีใครที่สามารถสื่อสารหรือสัมผัสความมีตัวตนของตี่ได้
ผมเป็นของจริง สัมผัสวิญญาณได้จริง ถ้าวิญญาณดวงอื่นรู้ความจริงข้อนี้ ผมว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องทำเหมือนกับตี่ คือหวังพึ่งผม หาทางให้ผมช่วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงผมช่วยพวกเขาในแบบที่เขาต้องการไม่ได้มากนัก ด้วยเหตุที่ผมเป็นทั้งคนตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้ ในโลกวิญญาณ ผมทำได้แค่สามารถสัมผัสและรับรู้ความมีตัวตนของวิญญาณอย่างเดียว
เมื่อตี่เล่นไม่ยอมแพ้อย่างเดียว จะสื่อสารกับผมให้ได้ ผมเลยไม่มีทางเลือก ต้องหนีไปนอนที่อื่น คือนอนชั้นล่างบ้านผม เผื่อว่าตี่จะระลึกได้ว่า ผมทำอะไรอย่างอื่นเพื่อเขาไม่ได้จริงๆ แล้วผมก็เป็นมนุษย์ ผมต้องนอน วิธีของผมได้ผล ตี่เขาเข้าใจ เขาจับมือผมแบบแผ่วเบา ก่อนที่จะจากไปตอนตี5 กว่าๆ
ช่วงที่ตี่มาหาผมนั้น ผมรู้สึกโมโหพี่สาวของตี่มาก ผมเคยเล่าเรื่องผีและประสบการณ์ด้านวิญญาณให้พี่สาวของตี่ฟังนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าพี่สาวของตี่เชื่อผมอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ไปฟังเสียงนกเสียงกาที่หาว่าผมเป็นคนไร้สาระ หรือมีอาการทางจิตอะไรทำนองนี้ รวมทั้งไม่มัวไปกังวลกับความรู้สึกของน้องชายที่เหลือเวลาในชีวิตอีกเพียงนิดเดียว แต่ควรไปกังวลกับเขาว่า หลังจากที่เขาตายไปแล้วเขาน่าจะทำอย่างไร จะติดต่อกับคนได้อย่างไร ผมว่ายังจะดีกว่า
เออ! นี่แหละความคิดทางโลก เลยทำให้ตี่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผมก่อนตาย ผมจะได้นัดแนะ และชี้นำวิธีที่วิญญาณพึงปฏิบัติเพื่อสื่อสารกับคนหลังจากตายไปแล้ว นี่เขาเพิ่งเป็นผี จะไปรู้วิธีสื่อสารกับคนได้อย่างไร ตี่เลยต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเหมือนคนปกติทั่วโลก อันเป็นผลมาจากพี่สาวของเขาไม่เชื่อมั่นและศรัทธาในตัวผม
ผมเองช่วยตี่ได้ในตอนนี้ก็เพียงนิดเดียว คือผมจะบอกให้ทางบ้านของตี่รับรู้ว่า สภาพตี่ที่ผมสัมผัสได้ ตี่ผอมลง ท่าทางเหมือนคนอนาถา หิวโซทีเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น