A A

8-1 องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะประทับอยู่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกดวง?

บทที่ 8 สรุป
8-1 องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะประทับอยู่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกดวง
ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า เรื่องราวทั้งหมดในบทสรุปนี้ เป็นความเชื่อและความศรัทธา ส่วนตัวของผมเอง ผมก็ไม่รู้ว่าในความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ? ถึงแม้ผมพบวิญญาณมามาก แต่ผมก็ไม่สามารถรู้ความจริงว่า ศาสนาหรือลัทธิความเชื่อใดเป็นความจริง
แต่ผมรู้ว่า มนุษย์เราเป็นผู้สร้างการแบ่งแยก และทะเลาะกันไปเองว่า ศาสนานั้นถูก ศาสนานี้ผิด พระเจ้าของคนอื่นเป็นของปลอม ส่วนพระเจ้าของเขาเป็นของจริง และพระองค์มีเพียงพระองค์เดียว และเป็นในแบบที่เขาจินตนาการหรือคาดหวังไว้ด้วย ส่วนศาสนาที่ไม่พูดถึงเรื่องพระเจ้า เช่น ศาสนาพุทธ ซึ่ง สอนเรื่องเหตุและผลอย่างเดียว ก็ยังถูกมนุษย์เหล่านี้พยายามทำลายหรือล้มล้าง ดังที่ปรากฏเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
ผู้คนเหล่านี้อาจจะลืมไปว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระองค์ก็อวตารหรือแบ่งภาคตัวพระองค์เองได้ ในคัมภีร์ของทุกศาสนาก็บัญญัติว่าอย่างนั้น ในคัมภีร์ไบเบิลมีบัญญัติว่า พระองค์แบ่งภาคหรืออวตารตัวของพระองค์ไปเป็นพระบุตรและพระจิต ในศาสนาฮินดู พระเจ้าก็อวตารไปเป็น พระศิวะ พระพรหม และพระวิษณุ ในพุทธศาสนาคนที่มีวิญญาณบริสุทธิ์ ประกอบไปด้วยพรหมวิหารสี่ คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา จะได้ไปเกิดไปเป็นพระพรหม ซึ่งเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ในส่วนของการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวง ศาสนาพุทธยังไม่ยอมรับพระพรหมในฐานะนั้น
พระพรหมที่เสด็จลงมาหาผมนั้นก็หาใช่ผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีจิตอันบริสุทธิ์ พอท่านตายลง ความบริสุทธิ์แห่งจิตและวิญญาณของท่าน ทำให้ท่านได้ เป็นพระพรหม หรือที่ชาวฮินดูเรียกว่า พระเจ้า
ความขัดแย้งทางศาสนาเกิดขึ้นตรงนี้ คือไม่มีศาสนาไหนที่นับถือวิญญาณบริสุทธิ์แต่เพียงอย่างเดียว ยกเว้นศาสนาพุทธ ในพระไตรปิฎกได้ระบุอย่างชัดแจ้งว่า พระพุทธองค์เป็นมนุษย์ และได้นิพพานไปแล้ว พระองค์ไม่มีตัวตนอยู่อีกในที่ใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ นรก โลก หรือในที่ใดทั้งสิ้น เจ้าแม่กวนอิมก็เป็นพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ แต่ท่านยังไม่ยอมนิพพาน ท่านยอมเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ยัง คอยวนเวียนช่วยทุกสรรพสิ่งอยู่
ถ้ามนุษย์นับถือแค่พระวิญญาณอันบริสุทธิ์เพียงดวงเดียว และปล่อยให้เรื่องของการสร้างจักรวาลและทุกสรรพสิ่งเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และปรัชญาที่จะหาคำตอบต่อไป ปัญหาความขัดแย้งในโลกจะเบาบางลงอย่างมาก ยิ่งถ้ามนุษย์นับถือพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ทุกดวง รวมทั้งผู้ที่เป็นมนุษย์ด้วย โดยคิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์สามารถแบ่งภาคหรืออวตารได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะอวตารมาสถิตในพระวิญญาณบริสุทธิ์ของมนุษย์ทุกดวงก็ได้ เฉกเช่นเดียวกับที่สถิตอยู่ในองค์พระเยซูคริสต์ เพราะท่านก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนี้ ผมว่าปัญหาทั้งหมดในโลกที่เกี่ยวกับศาสนาก็จะเหลือน้อยเต็มที
เรื่องพวกนี้ผมคงต้องปล่อยทิ้งไว้เป็นปริศนาคาใจท่านผู้อ่านต่อไป ใครอยากเชื่อในอะไรหรือสิ่งใด ผมจะไปบังคับคงไม่ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว จากประสบการณ์การพบวิญญาณมากว่าพันครั้ง ผมเชื่อว่า :
1. เพราะว่าพระเจ้าคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ใดที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ ที่นั่นอาจจะมี องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ก็ได้โดยไม่มีคำว่าศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง
2. ฟ้าอาจจะให้โอกาสมนุษย์ทุกชาติทุกศาสนาได้มีโอกาสพบสรวงสวรรค์ตามความเชื่อและความศรัทธา ของแต่ละคน คนที่ไม่มีศาสนาก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน ขอให้เขากระทำแต่ความดีเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
พ่อของผมน่าจะเป็นคนไร้ศาสนา แต่ท่านก็ได้ขึ้นสวรรค์ที่มีภพภูมิใกล้เคียงกับสวรรค์ของพระคริสต์
3. การแผ่เมตตาจิตออกจากสมาธิอาจจะมีผลต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเพื่อนมนุษย์คนนั้นจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
4. แม้ว่าผมเชื่อว่า พระเจ้าในศาสนาคริสต์มีจริง ผมไม่เถียงว่าพระองค์เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่การจะให้ผมยอมรับว่า พระองค์เป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวง ผมยังต้องการหลักฐานหรือความคิดทางปรัชญาที่แน่นหนากว่านี้มายืนยัน ผมจึงจะเชื่อ ผมก็เหมือนกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า สสารและพลังงานในจักรวาลมีมาได้อย่างไร เลยต้องหยุดการคิดที่หาคำตอบไม่ได้ไว้ก่อน นำเอาเพียงสิ่งที่เป็นอยู่ในธรรมชาติมาหากฎเกณฑ์เท่านั้น พระพุทธองค์ก็ทำเหมือนบรรดานักวิทยาศาสตร์ พระองค์อ้างถึงกฎแห่งกรรมเป็นตัวกำหนดว่า มนุษย์จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์หรือเกิดไปเป็นอะไร แทนที่จะไปหยุดตัวเองไว้กับการสร้างสวรรค์และนรกรวมทั้งสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ณ จุดนี้ผมยังต้องยึดถือคำสอนของพระพุทธศาสนาและนักวิทยาศาตร์เอาไว้ก่อนจนกว่ามนุษย์ชาติจะหาตัวผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงเจอ
ท่านผู้อ่านจะเลือกเชื่อตามผม หรือท่านจะเชื่อแบบอื่นก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่สนใจ และ
ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของท่าน ขอให้ท่านเพียรพยายามค่อยๆละ ลด เลิกการทำบาปทุกชนิด และหมั่นสร้างสมความดีเอาไว้เพื่อตัวท่านเอง ท่านที่ทำผิดไปแล้ว ก็อย่าท้อแท้ เริ่มต้นกันใหม่ได้ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใด หรือจะไร้ศาสนา แต่ขอให้เชื่อในกฎแห่งกรรมเอาไว้ จงทำแต่ความดี เลิกกระทำความชั่วทุกชนิด นี่เป็นคำเตือนจากผม…… คนสัมผัสวิญญาณ

ความคิดเห็น